ชวนไปท้าลมหมอก ชมบรรยากาศ กับ 5 จุดเช็คอินในเขาค้อ

ถ้าอยากไปชมหมอกแต่ไม่อยากไปไกลถึงเชียงใหม่ ก็สามารถมาเที่ยวใกล้ ๆ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ได้ ยิ่งช่วงหน้าฝนที่กำลังจะมาถึงก็ควรพาตัวเองไปชมทะเลหมอกที่เขาค้อกันสักครั้ง เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มาแล้วรับรองเลยว่าไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอน

                ทุ่งกังหันลม เขาค้อ

                ทุ่งกังหันลม ถือว่าเป็นอีกสถานที่ที่ไม่ควรพลาด เป็นแลนมาร์คสำคัญที่ต้องพาตังเองมาเช็คอิน มาถึงเราจะเห็นกังหันลมขนาดยักษ์ตั้งอยู่เรียงกันบนเนินเขาสูงและยังมีดอกไม้ให้เราได้ถ่ายรูปเล่นกันอีกด้วย ไม่เท่านั้นยังมีรถรางให้เราได้เล่นซึ่งเสียค่าเช่าแค่ 40 บาทเท่านั้น ทุ่งกังหันลมมีมุมถ่ายรูปเยอะมากเนื่องจากอยู่บนเนินเขา เราจะเห็นวิวทิวทัศน์ได้ถึง 180 องศาเลยทีเดียว เรียกว่าเก็บภาพยังไงก็ไม่มีวันหมด

                วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เขาค้อ

                จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือพระพุทธรูปสีขาวซ่อนกัน เป็นไฮไลท์หลัก ๆ ที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาถ่ายรูปและสักการะซึ่งมีความยิ่งใหญ่และสวยงามมาก เราสามารถมองเห็นพระพุทธรูปได้จากระยะไกลและยังมีจุดชมวิวให้เราได้ชมด้วย ตัววัดถูกสร้างด้วยกระเบื้องและหินสีต่าง ๆ ซึ่งก็ดูแปลกตาและก็ดูสวยไม่แพ้กัน วัดตั้งอยู่บนเนินเขาไม่สูงมากนัก เมื่อลงมาจากเขาค้อแล้วก็แวะมาสักการะได้

                น้ำตกศรีดิษฐ์ เขาค้อ

                เขาค้อไม่ได้มีแค่ทะเลหมอกเพียงอย่างเดียว ยังมีธรรมชาติอื่น ๆ ที่เราจะต้องไปเยือนให้ได้ นั้นก็คือน้ำตกศรีดิษฐ์ น้ำตกเรียงเป็นชั้นสลับซับซ้อนเพิ่มความสวยเวลาน้ำไหลผ่าน เราสามารถมาเที่ยวที่นี่ได้ตลอดทั้งปี เพราะมีน้ำไหลตลอด ถ้าหิวก็มีร้านค้าให้ฝากท้องกันด้วย ถ้าอยากมาพักผ่อนหย่อนใจหรืออยากคลายร้อน ก็แนะนำที่นี่เลย

                Pino Latte

                ร้านกาแฟที่ธรรมชาติสวยและวิวดีมาก เพราะเห็นวิวรอบข้างชัดเจน ไม่เท่านั้นยังเห็นวิวของวัดผาซ่อนแก้วอีกด้วย ร้านถูกตกแต่งอย่างทันสมัย มีสวนดอกไม้ไว้ให้ถ่ายรูป มีป้ายเก๋ ๆ ให้เหล่านักท่องเที่ยว ได้มาเซลฟี่อย่างจุใจ แล้วที่นี่ไม่ใช่มีแค่ร้านกาแฟอย่างเดียว ถ้าใครอยากมาพักผ่อนก็มีที่พักให้บริการ แต่แนะนำจองล่วงหน้าก่อนมาเที่ยว แล้วจะได้ชมวิวและบรรยากาศหลักล้านแน่นอน

                 ร้านเลอ บอนเนอร์

ร้านเบเกอรี่ที่ควรมาแวะ เพราะได้เห็นวิวผ่านกระจกบานใหญ่ การเดินทางก็ไม่ยาก ถ้าใครมาเที่ยววัดผ่าซ่อนแก้วแล้วละก็ ก็สามารถแวะมาร้านนี้ได้อีกเหมือนกัน มานั่งชมบรรยากาศชิลล์ จิบน้ำ ทานเค้ก แถบคนไม่เยอะมากด้วย หรือถ้าไม่อยากกินอาหารหวานก็มีอาหารคาวให้นักท่องเที่ยวได้ทานเหมือนกัน

                มาเที่ยวเขาค้อ นอกจากจะได้ชมทะเลหมอกอย่างอิ่มใจแล้ว ก็มีอีกหลายสถานที่ที่ควรมาเช็คอิน มาชมบรรยากาศที่หาไม่ได้จากที่ไหน แถบอยู่ไม่ไกล ค่าใช้จ่ายไม่สูง แถมได้บรรยากาศเกินราคา มาแวะเที่ยวกันนะ

พาย้อนวันวาน ไปในอดีตที่ เมืองมัลลิกา ร.ศ.124

ช่วงนี้กระแสการท่องเที่ยวย้อนยุคกำลังฮิตมากในโซเชียล หากใครเบื่อชีวิตวุ่นวายในเมืองกรุง และกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวกันอยู่ละก็ สำหรับทริปนี้อยากจะพาทุกคนย้อนยุคข้ามภพไปในอดีต ไปลองใช้ชีวิตแบบวิถีชาวไทยในสมัยโบราณ แต่งชุดไทย ได้ลิ้มรสอาหารไทย ลองไปเดินเล่นกันได้ที่เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 จังหวัดกาญจนบุรี

เมืองจำลองที่ให้บรรยากาศย้อนยุควิถีชีวิตบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา สมัยรัชกาลที่ 5 เหมือนดั่งเข้าไปในนิยายกันเลย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การแต่งกาย ของใช้ บ้านเรือน และภาษาดั้งเดิมในสมัยนั้น เรียกว่าถ้าใครได้มาเยือนที่นี่ ก็อาจจะอยากย้อนเวลาไปในอดีตเลยก็ได้ เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 ก่อตั้งขึ้นบนพื้นที่กว่า 60 ไร่ ในตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม ที่จะพานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าไปสัมผัสรากเหง้าความเป็นไทยสมัยโบราณ ผ่านสถาปัตยกรรมอันแสนงดงามในปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงประกาศเลิกทาส ทรงออก “พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. 124” ให้ลูกทาสทุกคนเป็นไทยเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2448

เมืองมัลลิกาเป็นเมืองจำลองวิถีชีวิตของคนสมัยรัชกาลที่ 5 ช่วงหลังเลิกทาส เราจะได้สัมผัสวิถีชีวิตราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเราจะต้องนำเงินบาทไปแลกเป็นเงินสตางค์สำหรับใช้จ่าย โดยทุกคนจะแต่งตัวแบบโบราณ ถ้าเราอยากอิน ฟินไปให้สุดละก็ แนะนำให้เช่าชุด ซึ่งมีครบทุกเพศทุกวัย ถ้าเข้าประตูเมืองมาแล้ว เราก็จะได้ยินภาษาที่ผู้คนในเมืองใช้กัน เช่น “ขอรับ” “เจ้าค่ะ” เข้ามาแรก ๆ อาจจะไม่คุ้นชินกับการใช้ภาษาที่แตกต่างจากปัจจุบัน แต่พอเดินไปสักพักเราจะรู้สึกเพลิดเพลิน กับบรรยากาศรอบ ๆ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ที่รอให้ทุกคนมาลอง

ส่วนย่านการค้า จะมีก๋วยเตี๋ยวโบราณ หมูสะเต๊ะ กระทงทอง และขนมไทยโบราณมากมาย เนื่องจากนี้ยังมีของใช้สิ่งของโบราณที่หาได้ยากมาก มาวางจำหน่ายด้วย จุดที่น่าสนใจของที่นี่คือ สะพานหัน เป็นสะพานที่ทำจ้างไม้ มีลักษณะโค้งและกว้าง ส่วนในสองฝั่งของสะพานจะเต็มไปด้วยห้องแถวเล็ก ๆ ที่ใช้ขายของ ส่วนตรงกลางเป็นทางเดิน เหมือนเราได้ย้อนอดีตกลับไปในสมัยรัชกาลที่ 5 อีกครั้ง และยังมีสถานที่จำลองเหมือนหอคอยคุกในอดีตเอาไว้ชมวิวทิวทัศน์ ซึ่งในอดีตมีการใช้งานจริงสำหรับตรวจตรานักโทษ

ถ้าอยากย้อนวันวาน ไปใช่สกุลเงินแบบสตางค์ อยากแต่งตัวสมัยรัชการที่ 5 หรือถ้าใครนึกไม่ออกว่าสมัยนั้นเป็นแบบไหน ที่นี่ก็ตอบโจทย์ให้คนที่ชอบท่องเที่ยวในสถานที่เก่า ๆ แบบดั้งเดิม เพราะเขาได้อนุรักษ์ความเป็นไทยและวิถีชีวิตแบบสมัยก่อนไว้แล้ว มากาญจนบุรีทั้งที่ ถ้าไม่แวะเที่ยว อาจจะเรียกว่ามาไม่ถึงก็ได้นะ

หนีเที่ยว แล้วแบกเป้ ไปหาความโรแมนติกที่หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขา “หมู่บ้านปิล็อก”

หยุดยาวทั้งทีแต่ไม่รู้จะไปไหน อยากพาตัวเองไปหาที่ใหม่แล้วไปนั่งกินลมชมวิวกลางหุบเขา หรืออยากไปกลาง เต็นท์นอนดูดาว ชาวดูหมอก อยากไปสวีทกับแฟนในบรรยากาศแสนโรแมนติก ก็มีสถานที่แนะนำ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขาซึ่งมีชายแดนติดกับพม่า อย่ารอช้ารีบคว้ากระเป๋า แบกเป้ไปที่ ปิล็อกกัน

                ปิล็อก หรือ อิต่อง ตั้งอยู่ในอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเหมืองแร่เก่าที่ปิดตัวลงเมื่อ 60 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังมีหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ยังมีคนอาศัยอยู่บนนี้ ที่นี่เป็นมนต์เสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวแบบเราไม่น้อย ถึงการเดินทางจะเดินทางเข้ามาด้วยความอยากลำบาก แต่พอถึงหมู่บ้านแล้ว ทุกคนจะเห็นถึงบรรยากาศที่ชวนหลงใหลจนไม่อยากกลับไปทำงานก็เป็นได้ ไม่เท่านั้นยังมีที่พักราคาหลักร้อย หรือถ้าใครไม่อยากนอนแบบที่พักก็สามารถกลางเต็นท์นอนได้เช่นกัน กลางคืนอากาศจะเย็นมาก จนต้องรีบคว้าผ้าห่มมาห่มกันเลยทีเดียว

ด้วยความเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ กลางคืนเลยค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงเสียงไฟ ตามบ้านเรือนเท่านั้นที่ยังคงให้เราได้เห็นถึงเสน่ห์ที่น่าค้นหาอยู่เรื่อย ๆ ตื่นเช้ามาบรรยากาศไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย จะเห็นหมอกจาง ๆ ลอยอยู่แถวบริเวณบ้านเรือนและตามหุบเขา เป็นภาพที่สวยน่าประทับใจอดไม่ได้ที่จะคว้ากล้องขึ้นมาถ่ายภาพเหล่านี้ เราสามารถเดินไปเยี่ยมชมหมู่บ้าน ซึ่งก็มีร้านค้า ขายของให้เราอยู่ตลอดทาง และยังมีป้ายไม้เล็ก ๆ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่ มาถึงทั้งทีก็ต้องซื้อป้ายไม้ มาเขียนข้อความน่ารัก โปรโมทตัวเอง แล้วไปห้อยตรงสะพาน เป็นที่ระลึกกันสักหน่อย

ตกเย็นเราสามารถขึ้นไปเที่ยวที่เนินช้างศึกเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน ถ้าใครได้มายืนตรงนี้และได้เห็นพระอาทิตย์ดวงส้ม ๆ โต ๆ กำลังลับของฟ้าละก็ จะรู้สึกฟินมาก แล้วฝั่งตรงข้ามก็เป็นพม่าด้วยนะ ถือว่าคุ้มจนบรรยายไม่หมด ที่ได้เห็นบรรยากาศที่สวยงามกับธรรมชาติสีเขียว เป็นภาพธรรมชาติที่ประทับใจและแสนโรแมนติกเหมาะกับการมาสวีทกับแฟน หรือมาสนุกกับเพื่อนก็ได้เช่นกัน ที่่เนินช้างศึกเราสามารถกลาง เต็นท์นอนที่นี่ได้ มีห้องน้ำให้บริการ แต่ไม่มีร้านอาหารเท่านั้นเอง แต่ก็ได้บรรยากาศและประสบการณ์แปลกใหม่ที่สักครั้งหนึ่งได้มาสัมผัสอะไรแบบนี้ ทั้งบรรยากาศที่ชวนมอง และน่าหลงใหล เป็นอีกสถานที่สุดแสนประทับใจ

ก่อนกลับจากหมู่บ้านปิล็อกอยากให้ทุกคนได้แวะน้ำตกจ๊อกกระดิ่น ซึ่งทางเข้าค่อนข้างชันมาก ๆ เล่นเอาเสียวสันหลัง แต่พอพ้นทางเหล่านี้ เราจะถึงน้ำตกจ๊อกกระดิ่น น้ำตกสวยที่ไหลลงมาจากภูเขาสูง ๆ ขอบอกเลยว่า น้ำใสมาก เราสามารถเล่นน้ำได้ มาถึงแล้วก็อย่าลืมถ่ายรูปเก็บเป็นความทรงจำกันด้วยนะ

                หมู่บ้านปิล็อก ถือว่าเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีมนเสน่ห์ จนเราอยากจะเอาร่างกายกลับมานอนพักผ่อนที่นี่อีกเรื่อย ๆ ถึงจะดูไม่มีอะไรมาก แต่ก็มีบรรยากาศอันน่าหลงใหล ทั้งยังเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย ใครอยากมาหาความสงบที่นี่ก็เหมาะไม่น้อย แวะมากาญจนบุรีแล้ว ก็ลองแวะมาพัก แล้วจะหลงรักไม่รู้ตัว

สาวกกาแฟห้ามพลาด 5 ร้านกาแฟในเชียงใหม่ที่ต้องไปเช็คอิน

เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งธรรมชาติและสถาปัตยกรรมต่าง ๆ แต่นอกเหนือจากสถานที่เหล่านี้แล้ว เชียงใหม่ยังมีร้านกาแฟนับไม่ถ้วนที่เปิดให้บริการเหล่าคอกาแฟที่ชอบมานั่งเช็คอิน ถ่ายรูป เก๋ ๆ ลงในโซเซียล ร้านกาแฟแต่ละร้านก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป วันนี้เราขอแนะนำ 5 ร้านเด่นในเชียงใหม่ให้ได้ตามไปกัน

                กูโรตีและชาชัก

                ถึงชื่อจะไม่ใช้คำว่ากาแฟแต่ที่นี่มีอาหารหลากหลาย เพราะนอกจากกาแฟแล้วก็มีโรตีที่รสชาติดีและหอม ยิ่งกินคู่กับชาชักรายการเด่นของทางร้านแล้วละก็ รับรองว่าฟินสุด ๆ แต่ถ้าใครไม่อยากกินชาชัก ก็มีกาแฟหอมกรุ่นให้สายกาแฟได้ลิ้มลองเหมือนกัน ร้านตั้งอยู่ตรง ถนนนิมมานเหมินทร์ซอย 3 ร้านถูกตกแต่งด้วยโทนสบายตา หาไม่ยาก ป้ายร้านค่อนข้างเด่น มาถึงเชียงใหม่ทั้งทีก็ต้องมาลองโรตีที่นี่ด้วยนะ

                ชวนชม

                ถ้าอยากกินกาแฟในป่า เหมือนมานั่งจิบน้ำในเทพนิยาย ร้านนี้ก็เป็นอีกทีที่เล่นเอาสายกาแฟตาค้างในการตกแต่งได้เหมือนกัน ทั้งสวนที่โด่นเด่น เหมือนกับเรามานั่งบนสวรรค์ หรือในป่า มันชวนน่าหลงใหล จนเราคิดว่านี้ไม่ใช่ร้านกาแฟ แต่เป็นสวนสวย ๆ แห่งหนึ่งมากกว่า นอกจากกาแฟแล้วที่นี่ก็มีทั้งอาหารหวานและอาหารคาวไว้บริการ ใครที่กำลังท้องร้อง ก็ฝากท้องที่นี่ได้เลย

                เขาช่องปาร์ค

                หลายคนน่าจะคุ้นชื่อเขาช่อง แบรนด์กาแฟที่เราเคยได้ยินตามโฆษณา และที่นี่ก็เป็นร้านกาแฟที่เราคุ้นหูนั้นเอง กาแฟค่อนข้างหลากหลาย เข้ามาแล้วก็จะได้กลิ่นกาแฟหอม ๆ ที่สะกดเราให้เดินเข้ามาโดยอัตโนมัติ เป็นร้านกาแฟที่มากกว่ากาแฟ คุณจะได้รับรู้ถึงบรรยากาศของกาแฟ และถ้าได้ลองรสชาติแล้วละก็ ก็ต้องติดใจกันทั้งนั้น แต่ที่นี่ก็ไม่ได้มีแค่กาแฟเพียงอย่างเดียว มีอาหารคาวไว้ให้บริการด้วย

                FIEOW Coffee ROOM Roaster Shop

                ถ้าใครชอบร้านกาแฟโทนขาว ๆ ตกแต่งด้วยสไตล์ loft ที่นี่ตอบโจทย์สุด ๆ เมนูเด่นของทางร้านคือ ‘เอสเปรสโซ่ร้อน’ เป็นกาแฟที่ผสมดาร์กช็อกโกแลตกับผลไม้เข้าด้วยกัน เมื่อเราได้ลองจะได้กลิ่นของความหอมของผลไม้และรสชาติความหวานของผลไม้ก่อน แล้วถึงจะได้มารับรู้รสสัมผัสของกาแฟอีกที เรียกว่าเป็นจุดเด่นของทางร้านเลยก็ได้ ไม่เท่านั้นที่นี่ไม่ใช่แค่ร้านกาแฟเพียงอย่างเดียว ยังเป็นโรงคั่วแบบ Specialty อีกด้วย

                Klerm Coffee

                แค่ชื่อก็พาเราเคลิ้มแล้ว ร้านกาแฟที่ร้านติดกับแม่น้ำปิง นั่งชิลล์ในมุมสบายตา พร้อมบรรยากาศดี ๆ ติดแม่น้ำ เรียกว่า เคลิ้มสมชื่อร้านจริง ๆ นอกจากกาแฟ เบเกอรี่ที่นี่ก็อร่อย รสชาติไม่หวานเกิน และเมนูที่ต้องแนะนำก็คือ เค้กแครอท ยิ่งได้ทานคู่กับกาแฟไปพร้อม ๆ กัน และได้กินในบรรยากาศดี ๆ แบบนี้เชื่อว่า ติดใจแน่นอน

                เชียงใหม่ขึ้นชื่อว่ามีคาเฟ่เยอะอยู่แล้ว ยิ่งเราได้มาสัมผัสบรรยากาศด้วยตัวเอง สาวกกาแฟก็ไม่ควรพลาด 5 ร้านเด็ดที่แนะนำ ถ้ามาแล้วก็อาจจะประทับใจในรสชาติและการตกแต่งของทางร้าน ถ้าขึ้นดอยกันเหนื่อยแล้ว ก็แวะมาคาเฟ่เก๋ ๆ เพื่อผ่อนคลายกันได้นะ

5 จุดเช็คอินในอยุธยา ที่เหมือนคุณได้ย้อนกลับยุคอดีต

อยุธยาเป็นเมืองเก่าแก่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม แต่อยุธยาก็ไม่ได้มีแค่วัดวาอารามเพียงอย่างเดียว วันนี้เราจะพาไปลึกกว่านั้น ทั้งไหว้พระทำบุญ เข้าพิพิธภัณฑ์ เดินตลาดน้ำ สถาปัตยกรรมบ้านเรือนไทย หรือสวนนก พร้อมกับพาทุกคนไปจัดเต็มตะลุยกิน ตะลุยเที่ยว อิ่มบุญ อิ่มใจไปกับบรรยายความสวยงามและเสน่ห์ที่น่าหลงไหลของจังหวัดอยุธยา

1.วัดนิเวศธรรมประวัติ

วัดไทยสไตล์สถาปัตยกรรมโกธิคเลียนแบบโบสถ์คริสต์ในการก่อสร้าง เต็มไปด้วยเรื่องราวศิลปะระหว่างไทยและตะวันตกมาบรรจบกันได้อย่างลงตัว เป็นสถาปัตยกรรมที่มีความงดงามและโดนเด่นเป็นอย่างมาก ภายในอุโบสถมีการประดับด้วยกระจกสีสวยงามตามแบบโบสถ์ฝรั่ง ลวดลายออกแบบวิจิตรตระการตา มีพระประทานคือ “พระพุทธนฤมลธรรโมภาส” ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเลน อำเภอบางประอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดนิเวศฯ เป็นวัดในรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้สร้างเลียนแบบโบสถ์ฝรั่ง ด้วยสถานที่ตั้งของวัดอยู่บนพื้นที่เกาะกลางน้ำ การเดินทางไปยังวัดจึงต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้าลอยน้ำเพื่อข้ามไปยังตัววัดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

2.หมู่บ้านศิลปาชีพ

สถานที่สถาปัตยกรรมเรือนไทยในยุคสมัยก่อน สร้างด้วยไม้สักและไม้แดง มีเรือนทั้งหมด 21 หลัง เป็นหมู่บ้านสี่ภาค หมู่บ้านเรือนไทยนี้สะท้อนให้เห็นรูปแบบของสถาปัตยกรรมแต่ละภาค มีความสวยงามโดนเด่นที่แตกต่างกันตามลักษณะทางภูมิภาค ภูมิปัญญา และความเชื่อของแต่ละภาค แต่ละท้องถิ่น จะมีการสาธิตการแสดงและหัตกรรมของแต่ละภาค หมู่บ้านศิลปะชีพตั้งอยู่ภายในศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เปิดทำการทุกวันและเข้าฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย

3.ศาลาอยุธยา

ร้านอาหารและที่พักสไตล์โมเดิร์น ผสมเข้ากับเอกลักษณ์ท้องถิ่นและวัฒนธรรมประเพณีของจังหวัดอยุธยา ทำให้ยังมีความเป็นกรุงเก่า ตั้งอยู่ที่ถนนอู่ทอง ตำบลประตูชัย อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มองเห็นวัดพุทไธศวรรย์อยู่อีกฟากของฝั่งแม่น้ำอย่างชัดแจ๋ว ส่วนเรื่องอาหารเราคอนเฟิร์มความอร่อยของอาหารที่นี่ มีความความพิถีพิถันแถมสดใหม่ ถูกปากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติแน่นอน

4.วัดพุทไธศวรรย์

วัดพุทไธศวรรย์ในอดีตเคยเป็นสำนักดาบพุทไธศวรรย์ ซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สำคัญวัดนี้มีอายุมากกว่า 600 ปี ซึ่งเป็นวัดที่ไม่ถูกทำลายเมื่อเสียกรุงครั้งที่ 2 เราจึงยังได้เห็นความสวยงามของโบราณสถานกันอยู่ และจุดที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดนี้คือ พระมหาธาตุ หรือปรางค์ประธานที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะขอม มีลักษณะคล้ายฝักข้าวโพด และ วิหารพระนอนองค์ใหญ่ ที่นี่ยังเป็นอีกสถานที่ถ่ายทำของละครเรื่องบุพเพสันนิวาสอีกด้วย ใครมาเที่ยวอยุธยาแล้วไม่ได้มาที่นี่ถือว่าพลาดมาก

5.ตลาดน้ำกรุงศรี

สถานที่เช็คอินแห่งใหม่ เป็นตลาดที่เปิดใหม่บรรยากาศเหมือนกับย้อนกลับไปในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา ครบเครื่องเรื่องกิน เช่น บุพเฟ่ต์ อาหารไทย ขนมไทย ของใช้ที่เป็นสินค้าโอท็อปของชุมชนเมืองอยุธยา อีกทั้งยังมีการแสดงให้ได้ชมกันเพลิน ๆ ร้านอาหารตั้งเรียงรายตามริมแม่น้ำ บรรดาพ่อค้าแม่ค้ายังแต่งกายด้วยชุดย้อนยุคอีกด้วย เป็นสถานที่ ๆ เหมาะสำหรับการพาครอบครัว แฟน และหรือเพื่อน ๆ มาพักผ่อนได้เป็นอย่างดี

ถ้าอยากย้อนยุคไปกรุงเก่า อยากไปสะบัดสไบ แต่งชุดไทยสวยเก๋ ไปเช็คอินในสมัยก่อน ก็แนะนำอยุธยานี่แหละ สถานที่รับรองเลยว่า เหมือนพาตัวเองกลับมาในอดีตอีกครั้ง

ชวนมาลองเก็บชา ชมหมอกเย็น ๆ ที่ไร่ชาลุงเดช

ขึ้นชื่อว่าเชียงใหม่หลายคนน่าจะนึกถึงคาเฟ่ เก๋ ๆ หรือแบบมินิมอล ที่เหล่าบรรดาบล็อกเกอร์ไปเช็คอิน แต่มีสถานที่หนึ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก นั่นก็คือไร่ชาลุงเดช ไร่ชาสวย ๆ ที่ปลูกตามแนวขั้นบันได บนเทือกเขาเล็ก ๆ กับเนื้อที่ 6 ไร่ ใช้ชีวิตแบบชาวเขา ตื่นเช้ามาเก็บชา จิบชา รับหมอกยามเช้า สูดอากาศบริสุทธิ์ รับรองเลยว่าไม่ผิดหวัง เกริ่นมาขนาดนี้แล้ว ตามเราไปเที่ยวกันเลยดีกว่า

                ไร่ชาลุงเดช ตั้งอยู่ที่แม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไม่นาน ที่นี่มีบริการห้องพักหลักร้อยไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย แนะนำเลยว่าไม่ควรไปเช้าเย็นกลับ ควรมานอนพักสักหนึ่งคืน เพราะถ้าไม่พักถือว่าพลาดมาก ทั้งอากาศที่เย็น ๆ บวกกับอาหารที่ลุงเดชเตรียมไว้ให้ เหมือนมาใช้ชีวิตแบบวิถีชาวบ้าน ตอนเย็นนั่งดูพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า กับเทือกเขาข้างหน้าพร้อมอากาศเย็นที่ทำให้เราตัวสั่นได้เหมือนกัน ยิ่งช่วงปลายฝนต้นหนาวแล้วก็ละก็ อากาศจะดีมาก ตอนเช้าหมอกจะลงตรงไร่ชาพอดี เพิ่มความสวยให้กับธรรมชาติจนละสายตาไม่ได้ ไม่เท่านั้นที่พักยังหันเข้าหาไร่ชา มีระเบียงให้นั่งจิบชาเล่น สูดอากาศเย็น ๆ พร้อมกับท่าถ่ายรูปเก๋ ๆ คนไม่เยอะและไม่พลุกพล่าน

และกิจกรรมหนึ่งที่นักท่องเที่ยวอย่างเราชื่นชอบกันมาก ก็คือการลงไปถ่ายรูปกับต้นชานั่นเอง ซึ่งลุงเดชก็มีพร็อบถ่ายรูปอย่างตะกร้าเก็บต้นชาให้เราฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วย ถึงขนาดนี้แล้วก็ลงไปเด็ดยอดชาที่ไร่ชาด้านล่างกันดีกว่า ถึงไร่ชาจะมีแค่ 6 ไร่ แต่มุมถ่ายรูปก็เยอะ ให้เราโพสต์ท่าได้อย่างสบายใจไม่มีเบื่อแน่นอน หรือใครจะคว้าโน๊ตบุ๊คตัวโปรดมานั่งทำงานในไร่ชาก็ได้ เรียกว่ามานั่งจิบชาเล่น ชมท้องฟ้า ภูเขาข้างหน้า ก็เหมือนพาตัวเองมาพักผ่อนสูดอากาศบริสุทธิ์แล้ว นอกจากไร่ชาลุงเดชยังมีผลไม้ให้เราได้เก็บเหมือนกัน เป็นผลไม้ลูกกลม ๆ เล็ก ๆ ชื่อว่า ‘ลูกไหน’ ซึ่งรสชาติก็หวานและอร่อย อดใจไม่ไหวเลยต้องหยิบลูกไหนมาถ่ายรูปกันเลย ถ่ายรูปกันเยอะแล้วก็ถึงเวลาอาหารเช้ากัน ที่ไร่ชาลุงเดชมีบริการอาหารเช้าให้เราให้เลือกรับประทานกันด้วย ซึ่งเมนูก็มาจากยอดชาที่เราลงไปถ่ายรูปเมื่อสักครู่นั่นเอง ถึงเมนูจะเป็นเมนูง่าย ๆ แต่รสชาติก็อร่อยจนลืมไปเลยว่าถึงเวลาจะต้องเช็คอินและอำลาที่นี่กันแล้ว เวลาเดินทางค่อนข้างไว เล่นเอาเราใจหายเหมือนกัน

                สรุปเลยว่าไรชาลุงเดชเป็นอีกสถานที่หนึ่งในเชียงใหม่ที่น่าสนใจ และคุ้มค่ากับการเที่ยวมาก ๆ ทั้งการเดินทางและค่าใช้จ่ายถือว่าไม่มากเลย แล้วยังได้พักผ่อนทามกลางธรรมชาติที่สวยงาม แถมยังได้อากาศบริสุทธิ์กลับบ้านไปด้วย ถ้ามีเวลาไม่มาก แล้วไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนในเชียงใหม่ ก็แนะนำไร่ชาลุงเดชนี่เลย

ไปหวาดเสียวกับน้ำตกทีลอซู น้ำตกที่สูงที่สุดในประเทศไทยกัน

ถ้าพูดถึงความหลากหลายทางธรรมชาติ หรือสถานที่ธรรมชาติที่ค่อนข้างสมบูรณ์ และในอากาศที่มีฝนชุกตลอดแบบนี้ ก็มีสถานที่ที่หนึ่งที่น่าสนใจนั่นก็คือน้ำตก แต่น้ำตกในประเทศไทยก็มีหลากหลาย เพราะประเทศไทยมีภูเขาและเทือกเขาสลับซับซ้อน แต่ถ้าจะให้พูดถึงน้ำตกที่สวยที่สุด สูงที่สุด หวาดเสียวที่สุด ก็คงไม่พ้นน้ำตกแห่งนี้ “น้ำตกทีลอซู”

                น้ำตกทีลอซู ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จังหวัดตาก เป็นน้ำตกที่สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย การเดินทางเข้าไปค่อนข้างลำบาก เพราะน้ำตกอยู่ใจกลางป่าลึก การเข้าไปถือว่าเป็นการวัดใจเหล่านักท่องเที่ยวหลาย ๆ คน ทางเข้าค่อนข้างแคบและขดเคี้ยว ถ้าใครชอบความหวาดเสียวและรักการผจญภัย การเดินทางเข้าไปก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับนักท่องเที่ยวสายลุยหลาย ๆ คน นอกจากความเสียวระหว่างทาง เราจะได้พบเจอกับธรรมชาติที่ค่อนข้างหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้แต่ละต้นสีเขียวสดรอต้อนรับนักที่ยวอย่างเรามาเยี่ยมชม ซึ่งบอกเลยว่าวิวระหว่างทางก็เล่นเอาเราประทับใจจนลืมความลำบากไปเลยก็ได้

การเดินทางมาเที่ยวน้ำตกนั้นต้องมีเวลาอย่างน้อย 2 คืน 3 วัน ด้วยระยะทางและการเดินทางที่ค่อนข้างลำบาก เราต้องมีการแวะพักที่จุดกางเต็นท์เป็นเวลาหนึ่งคืน เรียกได้ว่าเหมือนพาร่างกายมานอนในป่าลึก เพื่อรอชมความสวยงามที่เราจะเจอ ความชุ่มชื้นในป่าทำให้อุณหภูมิลดลงนิด ๆ เหลือราว ๆ 20 องศา อากาศกำลังเย็นสบายจนสามารถนอนหลับได้ในบรรยากาศที่เงียบสงบแบบนี้ พร้อมกับเสียงสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่ร้องประสานเสียงตลอดทั้งคืน เป็นการกล่อมนอนหลับดี ๆ นี่เอง

                หลังจากที่เดินทางมาด้วยรถยนต์ตลอดทั้งวัน วันต่อมาก็จะมีแพยางพานักท่องเที่ยวไปถึงน้ำตก ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งเพิ่มความตื่นเต้น การเดินทางที่แสนลำบากนี้ก็เป็นประสบการณ์ที่ให้เหล่านักท่องเที่ยวได้ประการณ์แปลกใหม่ สำหรับการเดินทางด้วยแพยางเป็นการเดินทางไปน้ำตกด้วยทางน้ำ คราวนี้เราจะเห็นธรรมชาติในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะระหว่างทางก็เล่นเอาทุกคนตาค้างได้เหมือนกัน แค่ความสวยระหว่างทางก็เล่นเอาร้องว้าวกันแล้ว เตรียมกล้องให้พร้อมเพื่อลั่นชัตเตอร์ให้กับรูประหว่างทางและเซลฟี่กับธรรมชาติกันเถอะ สำหรับการล่องแพจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะต้องเดินทางด้วยรถยนต์ต่ออีก 1 ชั่วโมง ทางจะลำบากกว่าตอนแรกที่เจอมาก ถนนตลอดทางจะเป็นลูกรังสลับกับคอนกรีต เรียกว่าอุปสรรคทางธรรมชาติที่ท้าทาย ก่อนที่จะพบความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติเหล่านักท่องเที่ยวจะต้องเดินต่อด้วยทางเท้าอีก 1.5 กิโลเมตร ในระหว่างที่เราเดินชมนกชมไม้อย่างเพลิดเพลิน หูก็เริ่มจะได้ยินเสียงของน้ำไหล ในที่สุดก็มาถึงสิ่งที่เรียกว่าน้ำตกทีลอซูนั่นเอง สวยสมคำล่ำลือที่หลายคนมักบอกว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในประเทศ และมันก็เป็นดังคำพูดเหล่านั้นจริง ๆ การมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง ก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นตากว่ามองในรูปถ่ายเยอะ

                ถ้ายังไม่รู้จะไปเที่ยวน้ำตกที่ไหน น้ำตกทีลอซูก็เป็นทางเลือกให้เหล่านักผจญภัยและรักธรรรมชาติได้มาเยี่ยมชม ถึงการเดินทางจะลำบาก แต่เชื่อว่าทุกคนต้องหอบเอาความประทับใจไปเล่าต่อได้อย่างสนุกแน่นอน และน้ำตกแห่งนี้ก็ยังรอต้อนรับนักเที่ยวอยู่เสมอ มาเที่ยวกันนะ

หนีอากาศร้อน ไปนอนรับไอเย็นที่ ‘ปางอุ๋ง’

ถ้าอยากไปสวิตเซอร์แลนด์ประเทศในฝันของใครหลายคน แต่ก็มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย เรามีตัวเลือกแห่งใหม่ เป็นสถานที่ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ตื่นเช้ามารับบรรยากาศเย็น ๆ พร้อมเทือกเขาสวย ๆ เราจะพาไปที่ ‘ปางอุ๋ง’ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวแสนโรแมนติกที่ไม่ต้องบินไปไกลถึงต่างประเทศ แถบค่าใช้จ่ายก็ไม่บานปลาย เราหนีร้อนไปพึ่งเย็นกันดีกว่า รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน

                ปางอุ๋ง หรือโครงการพระราชดำริปางตอง ตั้งอยู่ที่บ้านรวมไทย ตำบลหมอกจำแป่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงมีคำสั่งให้ฟื้นฟูพื้นที่แห่งนี้ และทรงพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวบ้านที่นี่ เนื่องจากในอดีตมีการบุกรุกป่าและตัดไม้ทำลายป่าเป็นเวลานาน พระองค์ทรงอยากรักษาสภาพป่าให้กับมาสมบูรณ์อีกครั้ง หลังจากนั้นปางอุ๋งเลยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์อย่างทุกวันนี้

                และเหล่านักท่องเที่ยวอย่างเราก็ไม่ควรพลาดที่จะต้องมาชมที่นี่เป็นบุญตาสักที ว่ามันสวยสมคำที่เขาล่ำลือกันหรือเปล่า ใครที่รักการท่องเที่ยวธรรมชาติเป็นชีวิตจิตใจ ที่นี่น่าจะตอบโจทย์เหล่านักอนุรักษ์เป็นอย่างดี ควรเดินทางล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งคืน เพื่อมานอนกางเต็นท์ดูหมอกในช่วงเช้า หมอกจาง ๆ ที่อยู่บริเวณผิวน้ำ นี่ล่ะคือไฮไลท์เด็ดที่เล่นเอาตาค้างไปเลยทีเดียว สวยไม่แพ้สวิตเซอร์แลนด์เลยนะ นอกจากนั้นถ้าโชคเข้าข้าง เราจะเห็นหงส์สีขาวและหงส์สีดำในช่วงเช้าที่หมอกกำลังลง มาว่ายน้ำให้เราได้กดชัตเตอร์เล่นด้วย ถือว่าได้ภาพกลับไปอวดเพื่อน ๆ ที่ทำงานแน่นอน นอกหนือจากนอนกางเต็นท์แล้ว ยังมีกิจกรรมอีกกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง นั้นก็คือ การล่องแพชมวิว เพื่อชมธรรมชาติรอบ ๆ ปางอุ๋ง เราจะได้เห็นสวนดอกไม้เมืองหนาว ไม่ว่าจะเป็นดอกไฮเดรนเยีย พวงแสด และกุหลาบ งานนี้ไม่กดถ่ายรูปไม่ได้แล้ว

                กลางคืนก็สวยไม่ต่างจากตอนกลางวันเลย ถ้าใครที่ชอบดูดาว กลางคืนจะเห็นดาวชัดมาก ด้วยบรรยากาศรอบ ๆ ที่ค่อนข้างมืด มานอนดูดาวข้างนอก ก็เรียกว่าฟินไม่น้อยเหมือนกัน สำหรับนักท่องเที่ยวที่มากับแฟน เรียกว่าที่นี่โรแมนติกสุด ๆ เหมือนมาเติมความหวานให้คู่ตัวเองเพิ่มอีกด้วย แต่ใครที่มาคนเดียว งานนี้ไม่เหงาแน่นอน อาจจะได้ความสุขกลับไปมากกว่าเดิมก็ได้ ประสบการณ์พิเศษแบบนี้ไม่มาสัมผัสด้วยตัวเองคงเสียดายแย่ ถ้าใครยังมีข้ออ้างว่าไม่มีงบไปเที่ยวไกล ๆ ปางอุ๋งก็เป็นตัวเลือกที่ค่าใช้จ่ายไม่สูงแถมได้บรรยากาศแบบสวิตเซอร์แลนด์อีกด้วยนะ

                ถ้าเหงาจนไม่รู้อยากไปเที่ยวไหน หรืออยากตื่นมาเจอเทือกเขาหมอกจาง ๆ ตรงหน้า ก็อยากให้ทุกคนมาลองสัมผัสบรรยากาศที่นี่ มันสวยกว่าคำที่เขาล่ำลื่อกันเสียอีก ทั้งธรรมชาติที่สมบูรณ์ หรืออากาศเย็น ๆ ที่ตื่นมาก็รับความสดชื่นกันเต็ม ๆ มาดูดออกซิเจนให้เต็มปอด พาร่างกายมารับไออุ่น มากอดธรรมชาติที่ปางอุ๋งกันนะ

หนีร้อนไปติดเกาะ ที่เกาะมันนอก กันเถอะ

ถ้าอยากหนีร้อนและหนีความวุ่นวายไปหาที่สงบ ๆ ที่ไหนสักที เที่ยวชมธรรมชาติแบบเรียบง่าย ที่นี่ก็เป็นตัวเลือก เหมาะแก่การมาพักผ่อนหย่อนใจ เหมือนกับพาร่างกายมารับไออุ่นจากทะเล นอกจากคนไม่พลุกพล่านแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็ยังไม่ไกลจากกรุงเทพอีกด้วย เดินทางแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็มาถึง เกาะมันนอก หลายคนน่าจะคุ้นหูเป็นอย่างดีแต่ก็ไม่มีโอกาสได้ไปสักที เกาะมันนอก นอกจากจะเป็นเกาะที่มีความสวยงามแล้ว ยังเป็นเกาะที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น Private Island” เกาะส่วนตัวที่ควรมาสัมผัสสักครั้ง

                เกาะมันนอก (Private Island)

                เกาะมันนอกเป็นเกาะเล็ก ๆ อยู่ในอำเภอแกลง จังหวัด ระยอง เป็นเกาะส่วนตัวที่ไม่ควรพลาด การเดินทาง สามารถเดินทางโดยเรือโดยสารที่ท่าเรือแหลมตาล โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ก็จะมาถึงเกาะมันนอก ทะเล น้ำใส ลมเย็น เมื่อลงจากเรือ ก็จะเห็นถึงธรรมชาติที่เงียบสงบ ที่ไม่นึกนึกว่าจะมีในเมืองไทย ที่นี่ธรรมชาติค่อนข้างสมบูรณ์ และมีรีสอร์ทแห่งเดียวอยู่บนเกาะ ชื่อ Koh Munnork Private Island By Epikurean Lifestyle เหมาะกับคู่รักที่อยากพาแฟนมาสวีทหรืออยากหลบหนีความวุ่นวาย มานั่งชิล ๆ ริมทะเล เกาะมันนอกก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลย นอกจากจะได้รับลมทะเลกันแล้ว ด้วยความที่เกาะมันนอกธรรมชาติค่อนข้างจะสมบูรณ์ เหล่านักท่องเที่ยวอย่างเราก็มักจะเจอสัตว์น่ารัก ๆ ที่มาเยี่ยมชม อวดความสวยงามให้นักท่องเที่ยวได้ชมอยู่เสมอ อย่าง นกยูง สัตว์ประจำถิ่นของเกาะมันนอกที่ชอบมารำแพนหางโชว์ความสวยงามให้นักเที่ยวอย่างเราตื่นเต้นด้วย

                เกาะมันนอกที่พักจะมีไม่มาก ถ้าใครอยากมาเยือนที่นี่ก็แนะนำจองแพ็คเกจล่วงหน้ากันก่อนที่จะมาเข้าพัก ที่พักที่นี่จะจัดที่พักเป็นแบบบังกะโล ตั้งอยู่ติดชายหาด ให้บรรยากาศโรแมนติก มีระเบียงให้รับชมวิวทะเล หรือจะเดินออกมารับลมทะเลหน้าที่พักก็ได้ กลางคืนก็ยังมาดื่มด่ำ นั่งจิบเครื่องดื่มเย็นที่บาร์เครื่องดื่มได้อีกด้วย ถ้าใครกลัวเบื่อไม่ต้องกังวล ที่นี่มีกิจกรรมหลากหลาย นอกจากทะเลแล้วก็ยังมีสระว่ายน้ำให้ได้เล่นสนุก และยังมีมุมพักผ่อนหย่อนใจ อย่างมุมอ่านหนังสือ ให้ได้คลายเหงากันด้วย เรียกว่ามาเที่ยวเกาะเดียวคุ้มค่ามาก ๆ

                ถ้าอยากไปเที่ยวทะเลแต่ยังไม่รู้จะไปที่ไหน เกาะมันนอกก็เป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาด ถือว่าเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวทะเลอย่างเรา หรือถ้าอยากได้อารมณ์เหมือนมาติดเกาะ เกาะมันนอกก็เป็นตัวเลือกหลัก ๆ ได้ดีเลย นอกจากความเงียบสงบแล้ว ก็ยังได้สัมผัสธรรมชาติพร้อมกับทะเลสวย ๆ ลมเย็น ๆ ได้มุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ไปอวดลงในโซเชียลถ้ามีวันลาไม่มาก กำลังหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ ๆ ได้บรรยากาศครบทุกรส ก็แนะนำเกาะมันนอก หรือ เกาะ Private Island สถานที่ที่ควรมาเยี่ยมชมเป็นอย่างยิ่ง

หนีร้อนประเทศไทย แล้วไปเที่ยวเมืองน้ำแข็งที่พัทยากันเถอะ

ถ้าพูดถึงพัทยา เมืองเล็ก ๆ ในจังหวัดชลบุรี หลายคนน่าจะนึกถึงทะเลเป็นอันดับแรก แต่นอกเหนือจากทะเลแล้ว พัทยายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากที่ไม่ใช่มีแค่ทะเล พัทยาเป็นแหล่งเศรษฐกิจในจังหวัดชลบุรี มีนักท่องเที่ยวมาไม่ขาดสาย ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ และเป็นที่นิยมของคนไทย เพราะพัทยาเป็นสถานที่ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ มีที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ แบบ ประวัติศาสตร์ หรือจะเที่ยวแบบเมืองหิมะ และในอากาศอบอ้าวและร้อนระอุแบบนี้ก็อยากจะพาทุกคนไปชมกับเมืองน้ำแข็งในพัทยาอย่าง Frost Magical Ice of Siam เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใกล้ กรุงที่ไม่ควรพลาด

Frost Magical Ice of Siam

มาสัมผัสกับอุณหภูมิติด -10 องศา ที่ไม่ต้องบินไปไกลถึงเมืองนอก เดินทางจากกรุงเทพแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็สามารถสัมผัสกับความหนาวสุดขั้วหัวใจ ให้ได้ตื่นเต้นกันเล่น ๆ และนอกเหนือจากความหนาวที่ทุกคนจะได้สัมผัส ที่นี่ยังมีประติมากรรมน้ำแข็งแกะสลักที่แกะลวดลาย เป็นศิลปะไทย ๆ ตัวละครในวรรณคดี และสถานที่สำคัญแบบไทย รวมถึงวิถีชีวิตของคนไทยด้วย คุณจะได้สัมผัสถึงความเป็นไทย ความละเอียดของรูปปั้นแกะสลักต่าง ๆ มันให้ทั้งความทันสมัยและความวิจิตรในครั้งเดียว ถ้าได้เห็นแล้วต้องมีร้องว้าวกันบ้าง ไม่เท่านั้นด้านในยังมีร้านค้าและร้านขายของที่ระลึกให้เก็บเป็นความทรงจำ ให้เลือกสินค้ากันอย่างเพลิดเพลิน เรียกได้ว่านอกจากจะได้ความเย็นสุดขั้วโลกแล้วด้านในก็ยังมีกิจกรรมให้เล่นอีกมาก ทั้งสไลเดอร์น้ำแข็งที่สามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัย รับรองว่านอกจากได้ความสนุก ก็อาจจะได้ความประทับใจกลับไปด้วย ถ้าต้องการเครื่องดื่มเย็น ๆ นั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศความหนาว เหมือนมานั่งดูหิมะตกที่เมืองนอกแล้วละก็ ที่นี่ยังมีบริการเครื่องดื่มในรูปแบบของแก้วน้ำแข็งแกะสลักให้ได้ลิ้มรสกันอย่างชื่นใจ มีบาร์บริการนักท่องเที่ยวได้นั่งเล่นถ่ายรูปเก๋ ๆ อวดลงโซเชียลให้เพื่อน ๆ อิจฉาเล่น ไม่เท่านั้นที่ Frost Magical Ice of Siam มีบริการเสื้อกันหนาวมากถึง 400 ตัวไว้ให้บริการนักท่องเที่ยวอีกด้วย ที่นี่เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09-00 -18.00 น. เรียกว่าอยากจะมาแตะความหนาวเมื่อไรก็ได้

ถ้าอยากหนีอากาศร้อน Frost Magical Ice of Siam ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะนอกเหนือจากทะเลที่เราคุ้นเคย ที่นี่ก็ไม่ควรพลาด ไม่ต้องไปไกลถึงต่างประเทศ อยากจะมาลองอุณหภูมิติดลบ สัมผัสความหนาวเหน็บด้วยประสบการณ์แปลกใหม่ พร้อมถ่ายรูปลงโซเชียลใส่แคปชั่นเก๋ ๆ ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ วันหยุดทั้งทีไม่รู้จะไปเที่ยวไหน ก็แวะมาที่นี่กันได้ อาจทำให้คุณลืมทะเลไปเลยก็ได้ หรือถ้าเที่ยวทะเลกันสนุกแล้ว ก็อย่าลืมแวะมาเยี่ยมชม Frost Magical Ice of Siam ตัวเลือกใหม่ของการหนีอากาศร้อน มาเจออากาศหนาวให้ได้ชื่นใจกัน