5 ตลาดน้ำน่าเดิน บรรยากาศดี ของกินเด็ด ราคาโดนใจ

สถานที่ท่องเที่ยวในไทยนั้น ถ้านอกจากแหล่งบันเทิง สร้างสีสัน ชีวิตชีวา และ แหล่งธรรมชาติที่มอบความสุนทรีย์และผ่อนคลาย จากบรรยากาศดี ๆ รอบตัวแล้วนั้น อีกแหล่งสถานที่ท่องเที่ยวอย่างตลาดน้ำในไทย ก็คงเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยสำหรับคนที่ชื่นชอบเดินผ่อนคลาย หาของกินราคาไม่แพง แถมยังรวมบรรยากาศของความเป็นไทยในสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี ในไทยนั้น หากจะกล่าวกันตามจริงแล้ว มีตลาดน้ำมากมายที่น่าสนใจและดึงดูดผู้คน ทั้งพ่อค้าแม่ค้า และลูกค้าเอง แต่ในบทความนี้จะแนะนำ 5 ตลาดน้ำที่เด็ด และ น่าสนใจ ตอบโจทย์คนมากมาย ดังนี้

1. ตลาดน้ำคลองลัดมะยม

                หากจะมองหาตลาดน้ำที่มีความเป็นตลาดน้ำอย่างแท้จริง คงจะหนีที่นี่ไม่พ้น ด้วยความที่ที่นี่จะเน้นความเรียบง่าย ให้เข้ากับชีวิต และไลฟ์สไตล์ของชาวบ้านที่นิยมมาขายของกันริมสองฝั่งข้างคลองน้ำ มีเรือพายสัญจรไปมา ซึ่งที่นี่ตั้งอยู่ที่พุทธมณฑลสาย 1 กรุงเทพนี่เอง ภายในตลาดจะแบ่งเป็นโซน ๆ ประมาณ 5 โซนหลัก ๆ ของที่ขายในตลาดก็ครบครันมีทุกอย่างหวาน คาว และความคึกคัก เป็นกันเอง ส่วนเรื่องรสชาติก็จะเป็นดั้งเดิมแบบชาวบ้าน ซึ่งอร่อยและมีรสชาติละมุนลิ้นเลยทีเดียว

2. ตลาดน้ำขวัญเรียม

                ใครที่อยู่แถวเสรีไทย กรุงเทพ คงจะไม่พลาดตลาดนี้เป็นแน่ เพราะตลาดแห่งนี้มีทั้งหมดสองฝั่งของคลองแสนแสบ และอยู่ติดกับวัดบางเพ็งใต้ที่มักจะเห็นคนมาปล่อยนกปล่อยปลา ให้อาหารปลา และช่วยไถ่ชีวิตโคกระบือเป็นประจำ อาหารที่นี่ก็มีหลากหลายมากมายให้ได้เลือกสรร ด้วยความที่ตลาดแห่งนี้มีสองชั้น จึงมีลิฟต์ให้กับผู้พิการและผู้สูงอายุอีกด้วย  สำหรับที่จอดรถ ต้องบอกว่ากว้างขวางมาก ๆ เพราะสามารถใช้ที่จอดรถของวัดเดินเชื่อมเข้าไปที่ตลาดได้อย่างสะดวกสบาย

3. ตลาดน้ำอัมพวา

                ที่อัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามนั้นมีชื่อเสียงมานานแล้ว เพราะเป็นตลาดน้ำที่ใหญ่ มีผู้คนให้ความสนใจ ขายของกันมากมายทั้งอาหารคาวมากมาย อาหารทะเล ของหวานก็มีแทบจะทุกชนิด โดยเฉพาะของหวานของไทยที่อาจจะหาทานที่อื่นค่อนข้างลำบากซะหน่อย แต่ที่นี่มีให้ครบเลยจบในที่เดียว

4. ตลาดน้ำดำเนินสะดวก

                นับว่าเป็นตลาดที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปีเลยทีเดียว ตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นตลาดน้ำที่มีชื่อเสียงของจังหวัดราชบุรี ซึ่งร้านส่วนมากก็จะมีทั้งบนบก และทางน้ำก็จะมีเรือพายสวนกันไปมามากมาย ทั้งของกิน ของใช้ อีกทั้งยังเป็นตลาดที่ถือว่ามีชื่อเสียงและโด่งดังมากในสายตานักท่องเที่ยว

5. ตลาดน้ำ 4 ภาค

                จากชื่อก็พอจะเดาได้ ว่า ตลาดนี้มีการขายของ โดยมีคอนเซ็ปต์อยู่ที่มีครบทั้ง 4 ภาค เมื่อคุณมาที่นี่ก็ตอบโจทย์คุณในทุก ๆ ด้าน ซึ่งรวมทั้งของกิน ของใช้ ของฝาก ที่เน้นเอาความเป็นไทยต่าง ๆ มาผสานกันอย่างลงตัวเลยทีเดียว

                แม้ว่าตลาดน้ำแต่ละที่ จะมีเสน่ห์ที่ดึงดูดใจและสายตาลูกค้าในลักษณะที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ การสืบสานวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของความเป็นไทย ที่คนรุ่นหลังควรจะช่วยกันอนุรักษ์ให้คงอยู่กับเมืองไทยไปอีกตราบนานเท่านาน

5 แหล่งท่องเที่ยวทุ่งนา ทุ่งหญ้าสีเขียวขจี ธรรมชาติอันงดงามคู่ประเทศไทย

ประเทศไทยคงต้องบอกว่า มีสถานที่เที่ยวธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้ชาติใดเลยทีเดียว โดยเฉพาะปัจจุบันนี้ที่คนส่วนใหญ่หันมาให้ความสนใจกับธรรมชาติ สีเขียวขจี สูดรับลมหายใจอันสดชื่นเข้าไปเต็มปอดจากบรรยากาศรอบตัวมากขึ้น รวมถึงได้ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ไปกับความสงบ ร่มรื่น ได้พักผ่อนจากการทำงานอันเหนื่อยล้าอย่างเต็มเปี่ยม วันนี้จึงอยากมาแนะนำ 5 สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่มีพื้นที่ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่ สีเขียวสดชื่น พร้อมสัมผัสประสบการณ์และปลดปล่อยอารมณ์ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะมีที่ไหนบ้าง เราไปดูกันเลย

1.บ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

                เป็นหมู่บ้านของชาวจีนยูนนาน ที่มีบรรยากาศร่มรื่น เขียวขจี ซึ่งถูกโอบล้อมไว้ด้วยหุบเขาขนาดใหญ่ อากาศของที่นี่ดีมาก ๆ เย็นสบายสุด ๆ เกือบจะทั้งปีเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าคุณมาท่องเที่ยวที่นี่ในช่วงหน้าหนาวก็เตรียมตัว เตรียมเสื้อผ้าหนาว ๆ มาหน่อยนึงก็ดี เพราะอากาศที่นี่ในช่วงนั้นจะหนาวกว่าช่วงอื่น ๆ มากเลยทีเดียว เนื่องจากว่าตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลลึกกว่า 1776 เมตร อีกทั้งที่นี่ยังมีการปลูกไร่ชาเป็นกิจกรรมพื้นบ้านยอดนิยมของที่นี่อีกด้วย ด้วยบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก ความสวยงามของทะเลสาบ และความร่มรื่นจากธรรมชาติสีเขียวของที่นี่ นั้นต้องบอกเลยว่า ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาพัก พร้อมรับเอากลิ่นอายจากธรรมชาติได้ตลอดทั้งปี

2.ปัว จังหวัดน่าน

                ถ้าจะนึกถึงการใช้ชีวิตที่สุดแสนจะเรียบง่าย แบบท้องถิ่นสุด ๆ คงจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นอกจาก ปัว เพราะด้วยทุ่งนาที่คุณสามารถมาผ่อนคลายอารมณ์ได้เต็มที่ ซึ่งสถานที่แห่งนี้นั้นมีกลิ่นอายของธรรมชาติที่แฝงตัวอยู่ทุกหนแห่ง และยังถูกล้อมรอบด้วยขุนเขา จึงให้ความรู้สึกของความสงบและส่วนตัวเป็นที่สุด อีกทั้งที่นี่ยังมีโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกพักหลากหลายสไตล์อีกด้วย

3.บ้านป่าบงเบียง จังหวัดเชียงใหม่

                จังหวัดเชียงใหม่ เป็นจังหวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามของธรรมชาติมาช้านาน ซึ่งสถานที่ที่จะแนะนำนี้ คงจะหนี บ้านป่าบงเปียงไปไม่พ้น เพราะไฮไลท์ของที่นี่คือ ทุ่งนาที่ไล่ระดับเป็นขั้นบันไดนั่นเอง ซึ่งมีบรรยากาศของทุ่งหญ้าสีเขียวขจีที่เป็นตัวดึงดูดชั้นดี แก่นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ นอกจากนั้นหากคุณอยากจะมาชมบรรยากาศของนาข้าวสีเหลืองทอง คงจะต้องมาช่วงไฮซีซั่นของที่นี่ นั่นคือ ช่วงเดือน 7 ถึง เดือน 10 ของทุกปี ซึ่งบอกเลยว่าจะมอบประสบการณ์จากธรรมชาติอันงดงามให้ตราตรึงในใจคุณอย่างไม่รู้ลืมเลยทีเดียว

4.ไร่ชาฉุยฟง จังหวัดเชียงราย

                หนึ่งในสถานที่ยอดฮิตในเชียงราย ที่นักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศชื่นชอบและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ก็คือ ไร่ชาฉุยฟง นั่นเอง จากชื่อก็คงจะรู้ว่าที่นี่เน้นการทำไร่ชาค่ะ แต่เป็นการทำไปตามแนวของภูเขา ซึ่งจะทำให้คนที่มาท่องเที่ยวมองเห็นวิวของไร่ชา ไปพร้อม ๆ กับวิวของภูเขาที่รายล้อมอยู่ด้วยหลังเป็นสีเขียวขจีตรึงตราเป็นอย่างมาก จนคุณอดใจไม่ได้ที่จะต้องชักกล้อง หรือ โทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปอย่างแน่นอน

5. มีนาคาเฟ่ จังหวัดกาญจนบุรี

                ที่นี่เป็นทั้งทุ่งนาอันกว้างขวาง สุดลูกหูลูกตา ที่คุณจะได้เปิดประสบการณ์ใหม่ในการมองเห็นสถานที่ธรรมชาติอันสวยงาม สงบ ร่มเย็น พร้อมชมวิวของวัดถ้ำเสือที่อยู่ด้านหลัง และยังมีสะพานไม้ขนาดยาวที่ได้สร้างขึ้นมาเอาใจนักท่องเที่ยวให้เดินชมวิวและถ่ายรูปเช็คอินกันอย่างหนาแน่น ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ อีกทั้งยังมีคาเฟ่บริการแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย ที่สำคัญ เดินทางจากกรุงเทพเพียงแค่สองชั่วโมงกว่าเท่านั้น จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ตอบโจทย์คนที่ต้องการเที่ยวธรรมชาติใกล้กรุงเทพเป็นอย่างดี

                อาจกล่าวได้ว่า ประเทศไทยนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวสวย ๆ อีกมากมายเลยทีเดียว เพราะจริง ๆ แล้วยังมีสถานที่เที่ยวทุ่งนาที่สวยงามอีกมาก และจากสถานที่ดังกล่าวเราได้เลือกที่เด็ด ๆ ที่ผู้คนให้ความสนใจกันเป็นอย่างมากมาแนะนำ ซึ่งหากคุณได้ลองเข้าไปสัมผัสบรรยากาศสักครั้งหนึ่ง อาจจะไม่อยากกลับเข้าไปเผชิญชีวิตอันแสนจะวุ่นวายในเมืองอีกเลยก็เป็นได้

ชวนไปท้าลมหมอก ชมบรรยากาศ กับ 5 จุดเช็คอินในเขาค้อ

ถ้าอยากไปชมหมอกแต่ไม่อยากไปไกลถึงเชียงใหม่ ก็สามารถมาเที่ยวใกล้ ๆ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ได้ ยิ่งช่วงหน้าฝนที่กำลังจะมาถึงก็ควรพาตัวเองไปชมทะเลหมอกที่เขาค้อกันสักครั้ง เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มาแล้วรับรองเลยว่าไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอน

                ทุ่งกังหันลม เขาค้อ

                ทุ่งกังหันลม ถือว่าเป็นอีกสถานที่ที่ไม่ควรพลาด เป็นแลนมาร์คสำคัญที่ต้องพาตังเองมาเช็คอิน มาถึงเราจะเห็นกังหันลมขนาดยักษ์ตั้งอยู่เรียงกันบนเนินเขาสูงและยังมีดอกไม้ให้เราได้ถ่ายรูปเล่นกันอีกด้วย ไม่เท่านั้นยังมีรถรางให้เราได้เล่นซึ่งเสียค่าเช่าแค่ 40 บาทเท่านั้น ทุ่งกังหันลมมีมุมถ่ายรูปเยอะมากเนื่องจากอยู่บนเนินเขา เราจะเห็นวิวทิวทัศน์ได้ถึง 180 องศาเลยทีเดียว เรียกว่าเก็บภาพยังไงก็ไม่มีวันหมด

                วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เขาค้อ

                จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือพระพุทธรูปสีขาวซ่อนกัน เป็นไฮไลท์หลัก ๆ ที่นักท่องเที่ยวจะต้องมาถ่ายรูปและสักการะซึ่งมีความยิ่งใหญ่และสวยงามมาก เราสามารถมองเห็นพระพุทธรูปได้จากระยะไกลและยังมีจุดชมวิวให้เราได้ชมด้วย ตัววัดถูกสร้างด้วยกระเบื้องและหินสีต่าง ๆ ซึ่งก็ดูแปลกตาและก็ดูสวยไม่แพ้กัน วัดตั้งอยู่บนเนินเขาไม่สูงมากนัก เมื่อลงมาจากเขาค้อแล้วก็แวะมาสักการะได้

                น้ำตกศรีดิษฐ์ เขาค้อ

                เขาค้อไม่ได้มีแค่ทะเลหมอกเพียงอย่างเดียว ยังมีธรรมชาติอื่น ๆ ที่เราจะต้องไปเยือนให้ได้ นั้นก็คือน้ำตกศรีดิษฐ์ น้ำตกเรียงเป็นชั้นสลับซับซ้อนเพิ่มความสวยเวลาน้ำไหลผ่าน เราสามารถมาเที่ยวที่นี่ได้ตลอดทั้งปี เพราะมีน้ำไหลตลอด ถ้าหิวก็มีร้านค้าให้ฝากท้องกันด้วย ถ้าอยากมาพักผ่อนหย่อนใจหรืออยากคลายร้อน ก็แนะนำที่นี่เลย

                Pino Latte

                ร้านกาแฟที่ธรรมชาติสวยและวิวดีมาก เพราะเห็นวิวรอบข้างชัดเจน ไม่เท่านั้นยังเห็นวิวของวัดผาซ่อนแก้วอีกด้วย ร้านถูกตกแต่งอย่างทันสมัย มีสวนดอกไม้ไว้ให้ถ่ายรูป มีป้ายเก๋ ๆ ให้เหล่านักท่องเที่ยว ได้มาเซลฟี่อย่างจุใจ แล้วที่นี่ไม่ใช่มีแค่ร้านกาแฟอย่างเดียว ถ้าใครอยากมาพักผ่อนก็มีที่พักให้บริการ แต่แนะนำจองล่วงหน้าก่อนมาเที่ยว แล้วจะได้ชมวิวและบรรยากาศหลักล้านแน่นอน

                 ร้านเลอ บอนเนอร์

ร้านเบเกอรี่ที่ควรมาแวะ เพราะได้เห็นวิวผ่านกระจกบานใหญ่ การเดินทางก็ไม่ยาก ถ้าใครมาเที่ยววัดผ่าซ่อนแก้วแล้วละก็ ก็สามารถแวะมาร้านนี้ได้อีกเหมือนกัน มานั่งชมบรรยากาศชิลล์ จิบน้ำ ทานเค้ก แถบคนไม่เยอะมากด้วย หรือถ้าไม่อยากกินอาหารหวานก็มีอาหารคาวให้นักท่องเที่ยวได้ทานเหมือนกัน

                มาเที่ยวเขาค้อ นอกจากจะได้ชมทะเลหมอกอย่างอิ่มใจแล้ว ก็มีอีกหลายสถานที่ที่ควรมาเช็คอิน มาชมบรรยากาศที่หาไม่ได้จากที่ไหน แถบอยู่ไม่ไกล ค่าใช้จ่ายไม่สูง แถมได้บรรยากาศเกินราคา มาแวะเที่ยวกันนะ

พาย้อนวันวาน ไปในอดีตที่ เมืองมัลลิกา ร.ศ.124

ช่วงนี้กระแสการท่องเที่ยวย้อนยุคกำลังฮิตมากในโซเชียล หากใครเบื่อชีวิตวุ่นวายในเมืองกรุง และกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวกันอยู่ละก็ สำหรับทริปนี้อยากจะพาทุกคนย้อนยุคข้ามภพไปในอดีต ไปลองใช้ชีวิตแบบวิถีชาวไทยในสมัยโบราณ แต่งชุดไทย ได้ลิ้มรสอาหารไทย ลองไปเดินเล่นกันได้ที่เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 จังหวัดกาญจนบุรี

เมืองจำลองที่ให้บรรยากาศย้อนยุควิถีชีวิตบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา สมัยรัชกาลที่ 5 เหมือนดั่งเข้าไปในนิยายกันเลย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร การแต่งกาย ของใช้ บ้านเรือน และภาษาดั้งเดิมในสมัยนั้น เรียกว่าถ้าใครได้มาเยือนที่นี่ ก็อาจจะอยากย้อนเวลาไปในอดีตเลยก็ได้ เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 ก่อตั้งขึ้นบนพื้นที่กว่า 60 ไร่ ในตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม ที่จะพานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าไปสัมผัสรากเหง้าความเป็นไทยสมัยโบราณ ผ่านสถาปัตยกรรมอันแสนงดงามในปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงประกาศเลิกทาส ทรงออก “พระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. 124” ให้ลูกทาสทุกคนเป็นไทยเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2448

เมืองมัลลิกาเป็นเมืองจำลองวิถีชีวิตของคนสมัยรัชกาลที่ 5 ช่วงหลังเลิกทาส เราจะได้สัมผัสวิถีชีวิตราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเราจะต้องนำเงินบาทไปแลกเป็นเงินสตางค์สำหรับใช้จ่าย โดยทุกคนจะแต่งตัวแบบโบราณ ถ้าเราอยากอิน ฟินไปให้สุดละก็ แนะนำให้เช่าชุด ซึ่งมีครบทุกเพศทุกวัย ถ้าเข้าประตูเมืองมาแล้ว เราก็จะได้ยินภาษาที่ผู้คนในเมืองใช้กัน เช่น “ขอรับ” “เจ้าค่ะ” เข้ามาแรก ๆ อาจจะไม่คุ้นชินกับการใช้ภาษาที่แตกต่างจากปัจจุบัน แต่พอเดินไปสักพักเราจะรู้สึกเพลิดเพลิน กับบรรยากาศรอบ ๆ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ที่รอให้ทุกคนมาลอง

ส่วนย่านการค้า จะมีก๋วยเตี๋ยวโบราณ หมูสะเต๊ะ กระทงทอง และขนมไทยโบราณมากมาย เนื่องจากนี้ยังมีของใช้สิ่งของโบราณที่หาได้ยากมาก มาวางจำหน่ายด้วย จุดที่น่าสนใจของที่นี่คือ สะพานหัน เป็นสะพานที่ทำจ้างไม้ มีลักษณะโค้งและกว้าง ส่วนในสองฝั่งของสะพานจะเต็มไปด้วยห้องแถวเล็ก ๆ ที่ใช้ขายของ ส่วนตรงกลางเป็นทางเดิน เหมือนเราได้ย้อนอดีตกลับไปในสมัยรัชกาลที่ 5 อีกครั้ง และยังมีสถานที่จำลองเหมือนหอคอยคุกในอดีตเอาไว้ชมวิวทิวทัศน์ ซึ่งในอดีตมีการใช้งานจริงสำหรับตรวจตรานักโทษ

ถ้าอยากย้อนวันวาน ไปใช่สกุลเงินแบบสตางค์ อยากแต่งตัวสมัยรัชการที่ 5 หรือถ้าใครนึกไม่ออกว่าสมัยนั้นเป็นแบบไหน ที่นี่ก็ตอบโจทย์ให้คนที่ชอบท่องเที่ยวในสถานที่เก่า ๆ แบบดั้งเดิม เพราะเขาได้อนุรักษ์ความเป็นไทยและวิถีชีวิตแบบสมัยก่อนไว้แล้ว มากาญจนบุรีทั้งที่ ถ้าไม่แวะเที่ยว อาจจะเรียกว่ามาไม่ถึงก็ได้นะ

คลองใหญ่ @ ตราด เมืองท่องเที่ยวแสนสนุกที่ยังคงน่าไปอยู่เสมอ

หากเอ่ยถึงจังหวัดตราด หลาย ๆ คน คงจะนึกถึงทะเล เกาะช้าง หรือ เกาะหมากก่อนแน่ ๆ แต่อีกหนึ่งจุดแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวไม่น้อยเหมือนกันของจังหวัดนี้ก็คือ ที่อำเภอคลองใหญ่ ณ จุดนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าเที่ยวไม่น้อยและในปัจจุบันก็มีคนไปเยือนตลอดไม่ขาดสายเช่นกัน อำเภอคลองใหญ่ ของตราดมีอะไรน่าเที่ยวบ้างไปดูกัน

ตลาดชายแดนบ้านหาดเล็กที่สุดคึกคัก

บริเวณอำเภอคลองใหญ่นั้น จริง ๆ แล้วมีพรมแดนอาณาเขตติดกับอำเภอมณฑลสีมา หนึ่งในอำเภอที่อยู่ในจังหวัดเกาะกงของกัมพูชา ซึ่งหากใครเคยไปเที่ยวเกาะกงเพื่อไปเยือนคาสิโนสุดเยี่ยมยอดของที่นั่นมาแล้วก็คงต้องเคยข้ามเคยผ่านจากจุดนี้ไปแน่นอน แต่วันนี้การจะสนุกกับเกมเดิมพันสไตล์คาสิโน ไม่จำเป็นจะต้องข้ามไปยังฝั่งเกาะกงแล้ว คุณสามารถสนุกกับการเดิมพันแบบออนไลน์อยู่ที่ฝั่งไทยจังหวัดตราดก็ได้ แค่เข้าไปที่เว็บพนันอย่าง VWIN ก็สนุกได้ไม่ต่างกัน เก็บเวลาไว้เที่ยวที่ตลาดชายแดนบ้านหาดเล็กของอำเภอคลองใหญ่ก็เป็นไอเดียที่ไม่เลวเหมือนกัน เพราะที่นี่เป็นตลาดชายแดนที่คึกคักตลอดทุกวัน มีสินค้าราคาถูกมากมายประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า  น้ำหอม แว่นตา และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่มาจากฝั่งกัมพูชานำเข้ามาจำหน่าย ให้คุณเลือกช้อปของถูก ของมือสองไปใช้หรือนำไปขายต่อได้ทั้งวันจริง ๆ

หาดไม้รูด สัมผัสชีวิตท้องถิ่น

อำเภอคลองใหญ่ ในวันนี้ยังมีชาวบ้านส่วนหนึ่งประกอบอาชีพประมงอยู่ และที่หาดไม้รูดนี่เองก็เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่คุณสามารถเข้าไปเยือน ชื่นชมความงามของทิวทัศน์และสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน พร้อมกับซื้ออาหารทะเลสด ๆ ราคาถูก บรรยากาศที่นี่เงียบสงบน่าไปเที่ยวพักผ่อนไม่น้อย

หาดบานชื่น ช่วยให้ชีวิตชื่นบาน

มาเยือนถิ่นทะเลภาคตะวันออกทั้งทีหลายคนก็คงอยากลงเล่นน้ำบ้าง หากจะมาสัมผัสชายทะเลที่เล่นน้ำได้ในอำเภอคลองใหญ่ ก็ต้องมาที่นี่เลย หาดบานชื่น หาดแห่งนี้เดิมมีชื่อว่า หาดมะโร สภาพของเป็นหาดนั้นสวยงามเป็นหาดสั้น ๆ เม็ดทรายของชายหาดมีความละเอียดนุ่ม น้ำทะเลก็ใสสะอาด ใครอยากลงเล่นน้ำที่นี่ล่ะเหมาะเลย ที่สำคัญที่บริเวณรอบหาดแห่งนี้มีร้านอาหารมาเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวกันเยอะมาก บอกเลยว่าของอร่อยเพียบและราคาไม่แพงมาก ใครจะมาเดินชายหาดชิล ๆ ลงเล่นน้ำ พร้อมหาของอร่อยรับประทานต้องปักหมุดที่นี่ไว้เลย

นี่ล่ะความน่าสนใจของอำเภอคลองใหญ่ ในจังหวัดตราด อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวดี ๆ ที่หลายคนอาจมองข้ามไป แต่ก็ถึงใจได้ไม่แพ้กัน ใครที่จะขับรถมาเที่ยวเองก็ใช้เส้นทางที่ไปออกภาคตะวันออก ผ่านชลบุรี ระยอง จันทบุรีได้เลย ใครจะใช้รถสาธารณะก็มีที่เอกมัย และ หมอชิต ทุกวัน หรือจะมาทางเครื่องบินก็ใช้เที่ยวบินกรุงเทพฯ – ตราด ก็ได้ สะดวกดีใช้เวลาเพียงนิดเดียวก็มาถึงแล้ว ซึ่งการมาเที่ยวแบบนี้ก็เปลี่ยนบรรยากาศได้ดีเหมือนกัน เป็นอีกหนึ่งจุดที่คุณไม่ควรพลาดเลยจริง ๆ

หนีเที่ยว แล้วแบกเป้ ไปหาความโรแมนติกที่หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขา “หมู่บ้านปิล็อก”

หยุดยาวทั้งทีแต่ไม่รู้จะไปไหน อยากพาตัวเองไปหาที่ใหม่แล้วไปนั่งกินลมชมวิวกลางหุบเขา หรืออยากไปกลาง เต็นท์นอนดูดาว ชาวดูหมอก อยากไปสวีทกับแฟนในบรรยากาศแสนโรแมนติก ก็มีสถานที่แนะนำ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขาซึ่งมีชายแดนติดกับพม่า อย่ารอช้ารีบคว้ากระเป๋า แบกเป้ไปที่ ปิล็อกกัน

                ปิล็อก หรือ อิต่อง ตั้งอยู่ในอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเหมืองแร่เก่าที่ปิดตัวลงเมื่อ 60 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังมีหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ยังมีคนอาศัยอยู่บนนี้ ที่นี่เป็นมนต์เสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวแบบเราไม่น้อย ถึงการเดินทางจะเดินทางเข้ามาด้วยความอยากลำบาก แต่พอถึงหมู่บ้านแล้ว ทุกคนจะเห็นถึงบรรยากาศที่ชวนหลงใหลจนไม่อยากกลับไปทำงานก็เป็นได้ ไม่เท่านั้นยังมีที่พักราคาหลักร้อย หรือถ้าใครไม่อยากนอนแบบที่พักก็สามารถกลางเต็นท์นอนได้เช่นกัน กลางคืนอากาศจะเย็นมาก จนต้องรีบคว้าผ้าห่มมาห่มกันเลยทีเดียว

ด้วยความเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ กลางคืนเลยค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงเสียงไฟ ตามบ้านเรือนเท่านั้นที่ยังคงให้เราได้เห็นถึงเสน่ห์ที่น่าค้นหาอยู่เรื่อย ๆ ตื่นเช้ามาบรรยากาศไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย จะเห็นหมอกจาง ๆ ลอยอยู่แถวบริเวณบ้านเรือนและตามหุบเขา เป็นภาพที่สวยน่าประทับใจอดไม่ได้ที่จะคว้ากล้องขึ้นมาถ่ายภาพเหล่านี้ เราสามารถเดินไปเยี่ยมชมหมู่บ้าน ซึ่งก็มีร้านค้า ขายของให้เราอยู่ตลอดทาง และยังมีป้ายไม้เล็ก ๆ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่ มาถึงทั้งทีก็ต้องซื้อป้ายไม้ มาเขียนข้อความน่ารัก โปรโมทตัวเอง แล้วไปห้อยตรงสะพาน เป็นที่ระลึกกันสักหน่อย

ตกเย็นเราสามารถขึ้นไปเที่ยวที่เนินช้างศึกเพื่อดูพระอาทิตย์ตกดิน ถ้าใครได้มายืนตรงนี้และได้เห็นพระอาทิตย์ดวงส้ม ๆ โต ๆ กำลังลับของฟ้าละก็ จะรู้สึกฟินมาก แล้วฝั่งตรงข้ามก็เป็นพม่าด้วยนะ ถือว่าคุ้มจนบรรยายไม่หมด ที่ได้เห็นบรรยากาศที่สวยงามกับธรรมชาติสีเขียว เป็นภาพธรรมชาติที่ประทับใจและแสนโรแมนติกเหมาะกับการมาสวีทกับแฟน หรือมาสนุกกับเพื่อนก็ได้เช่นกัน ที่่เนินช้างศึกเราสามารถกลาง เต็นท์นอนที่นี่ได้ มีห้องน้ำให้บริการ แต่ไม่มีร้านอาหารเท่านั้นเอง แต่ก็ได้บรรยากาศและประสบการณ์แปลกใหม่ที่สักครั้งหนึ่งได้มาสัมผัสอะไรแบบนี้ ทั้งบรรยากาศที่ชวนมอง และน่าหลงใหล เป็นอีกสถานที่สุดแสนประทับใจ

ก่อนกลับจากหมู่บ้านปิล็อกอยากให้ทุกคนได้แวะน้ำตกจ๊อกกระดิ่น ซึ่งทางเข้าค่อนข้างชันมาก ๆ เล่นเอาเสียวสันหลัง แต่พอพ้นทางเหล่านี้ เราจะถึงน้ำตกจ๊อกกระดิ่น น้ำตกสวยที่ไหลลงมาจากภูเขาสูง ๆ ขอบอกเลยว่า น้ำใสมาก เราสามารถเล่นน้ำได้ มาถึงแล้วก็อย่าลืมถ่ายรูปเก็บเป็นความทรงจำกันด้วยนะ

                หมู่บ้านปิล็อก ถือว่าเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีมนเสน่ห์ จนเราอยากจะเอาร่างกายกลับมานอนพักผ่อนที่นี่อีกเรื่อย ๆ ถึงจะดูไม่มีอะไรมาก แต่ก็มีบรรยากาศอันน่าหลงใหล ทั้งยังเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย ใครอยากมาหาความสงบที่นี่ก็เหมาะไม่น้อย แวะมากาญจนบุรีแล้ว ก็ลองแวะมาพัก แล้วจะหลงรักไม่รู้ตัว

สาวกกาแฟห้ามพลาด 5 ร้านกาแฟในเชียงใหม่ที่ต้องไปเช็คอิน

เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งธรรมชาติและสถาปัตยกรรมต่าง ๆ แต่นอกเหนือจากสถานที่เหล่านี้แล้ว เชียงใหม่ยังมีร้านกาแฟนับไม่ถ้วนที่เปิดให้บริการเหล่าคอกาแฟที่ชอบมานั่งเช็คอิน ถ่ายรูป เก๋ ๆ ลงในโซเซียล ร้านกาแฟแต่ละร้านก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป วันนี้เราขอแนะนำ 5 ร้านเด่นในเชียงใหม่ให้ได้ตามไปกัน

                กูโรตีและชาชัก

                ถึงชื่อจะไม่ใช้คำว่ากาแฟแต่ที่นี่มีอาหารหลากหลาย เพราะนอกจากกาแฟแล้วก็มีโรตีที่รสชาติดีและหอม ยิ่งกินคู่กับชาชักรายการเด่นของทางร้านแล้วละก็ รับรองว่าฟินสุด ๆ แต่ถ้าใครไม่อยากกินชาชัก ก็มีกาแฟหอมกรุ่นให้สายกาแฟได้ลิ้มลองเหมือนกัน ร้านตั้งอยู่ตรง ถนนนิมมานเหมินทร์ซอย 3 ร้านถูกตกแต่งด้วยโทนสบายตา หาไม่ยาก ป้ายร้านค่อนข้างเด่น มาถึงเชียงใหม่ทั้งทีก็ต้องมาลองโรตีที่นี่ด้วยนะ

                ชวนชม

                ถ้าอยากกินกาแฟในป่า เหมือนมานั่งจิบน้ำในเทพนิยาย ร้านนี้ก็เป็นอีกทีที่เล่นเอาสายกาแฟตาค้างในการตกแต่งได้เหมือนกัน ทั้งสวนที่โด่นเด่น เหมือนกับเรามานั่งบนสวรรค์ หรือในป่า มันชวนน่าหลงใหล จนเราคิดว่านี้ไม่ใช่ร้านกาแฟ แต่เป็นสวนสวย ๆ แห่งหนึ่งมากกว่า นอกจากกาแฟแล้วที่นี่ก็มีทั้งอาหารหวานและอาหารคาวไว้บริการ ใครที่กำลังท้องร้อง ก็ฝากท้องที่นี่ได้เลย

                เขาช่องปาร์ค

                หลายคนน่าจะคุ้นชื่อเขาช่อง แบรนด์กาแฟที่เราเคยได้ยินตามโฆษณา และที่นี่ก็เป็นร้านกาแฟที่เราคุ้นหูนั้นเอง กาแฟค่อนข้างหลากหลาย เข้ามาแล้วก็จะได้กลิ่นกาแฟหอม ๆ ที่สะกดเราให้เดินเข้ามาโดยอัตโนมัติ เป็นร้านกาแฟที่มากกว่ากาแฟ คุณจะได้รับรู้ถึงบรรยากาศของกาแฟ และถ้าได้ลองรสชาติแล้วละก็ ก็ต้องติดใจกันทั้งนั้น แต่ที่นี่ก็ไม่ได้มีแค่กาแฟเพียงอย่างเดียว มีอาหารคาวไว้ให้บริการด้วย

                FIEOW Coffee ROOM Roaster Shop

                ถ้าใครชอบร้านกาแฟโทนขาว ๆ ตกแต่งด้วยสไตล์ loft ที่นี่ตอบโจทย์สุด ๆ เมนูเด่นของทางร้านคือ ‘เอสเปรสโซ่ร้อน’ เป็นกาแฟที่ผสมดาร์กช็อกโกแลตกับผลไม้เข้าด้วยกัน เมื่อเราได้ลองจะได้กลิ่นของความหอมของผลไม้และรสชาติความหวานของผลไม้ก่อน แล้วถึงจะได้มารับรู้รสสัมผัสของกาแฟอีกที เรียกว่าเป็นจุดเด่นของทางร้านเลยก็ได้ ไม่เท่านั้นที่นี่ไม่ใช่แค่ร้านกาแฟเพียงอย่างเดียว ยังเป็นโรงคั่วแบบ Specialty อีกด้วย

                Klerm Coffee

                แค่ชื่อก็พาเราเคลิ้มแล้ว ร้านกาแฟที่ร้านติดกับแม่น้ำปิง นั่งชิลล์ในมุมสบายตา พร้อมบรรยากาศดี ๆ ติดแม่น้ำ เรียกว่า เคลิ้มสมชื่อร้านจริง ๆ นอกจากกาแฟ เบเกอรี่ที่นี่ก็อร่อย รสชาติไม่หวานเกิน และเมนูที่ต้องแนะนำก็คือ เค้กแครอท ยิ่งได้ทานคู่กับกาแฟไปพร้อม ๆ กัน และได้กินในบรรยากาศดี ๆ แบบนี้เชื่อว่า ติดใจแน่นอน

                เชียงใหม่ขึ้นชื่อว่ามีคาเฟ่เยอะอยู่แล้ว ยิ่งเราได้มาสัมผัสบรรยากาศด้วยตัวเอง สาวกกาแฟก็ไม่ควรพลาด 5 ร้านเด็ดที่แนะนำ ถ้ามาแล้วก็อาจจะประทับใจในรสชาติและการตกแต่งของทางร้าน ถ้าขึ้นดอยกันเหนื่อยแล้ว ก็แวะมาคาเฟ่เก๋ ๆ เพื่อผ่อนคลายกันได้นะ

5 จุดเช็คอินในอยุธยา ที่เหมือนคุณได้ย้อนกลับยุคอดีต

อยุธยาเป็นเมืองเก่าแก่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม แต่อยุธยาก็ไม่ได้มีแค่วัดวาอารามเพียงอย่างเดียว วันนี้เราจะพาไปลึกกว่านั้น ทั้งไหว้พระทำบุญ เข้าพิพิธภัณฑ์ เดินตลาดน้ำ สถาปัตยกรรมบ้านเรือนไทย หรือสวนนก พร้อมกับพาทุกคนไปจัดเต็มตะลุยกิน ตะลุยเที่ยว อิ่มบุญ อิ่มใจไปกับบรรยายความสวยงามและเสน่ห์ที่น่าหลงไหลของจังหวัดอยุธยา

1.วัดนิเวศธรรมประวัติ

วัดไทยสไตล์สถาปัตยกรรมโกธิคเลียนแบบโบสถ์คริสต์ในการก่อสร้าง เต็มไปด้วยเรื่องราวศิลปะระหว่างไทยและตะวันตกมาบรรจบกันได้อย่างลงตัว เป็นสถาปัตยกรรมที่มีความงดงามและโดนเด่นเป็นอย่างมาก ภายในอุโบสถมีการประดับด้วยกระจกสีสวยงามตามแบบโบสถ์ฝรั่ง ลวดลายออกแบบวิจิตรตระการตา มีพระประทานคือ “พระพุทธนฤมลธรรโมภาส” ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านเลน อำเภอบางประอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดนิเวศฯ เป็นวัดในรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้สร้างเลียนแบบโบสถ์ฝรั่ง ด้วยสถานที่ตั้งของวัดอยู่บนพื้นที่เกาะกลางน้ำ การเดินทางไปยังวัดจึงต้องนั่งกระเช้าไฟฟ้าลอยน้ำเพื่อข้ามไปยังตัววัดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

2.หมู่บ้านศิลปาชีพ

สถานที่สถาปัตยกรรมเรือนไทยในยุคสมัยก่อน สร้างด้วยไม้สักและไม้แดง มีเรือนทั้งหมด 21 หลัง เป็นหมู่บ้านสี่ภาค หมู่บ้านเรือนไทยนี้สะท้อนให้เห็นรูปแบบของสถาปัตยกรรมแต่ละภาค มีความสวยงามโดนเด่นที่แตกต่างกันตามลักษณะทางภูมิภาค ภูมิปัญญา และความเชื่อของแต่ละภาค แต่ละท้องถิ่น จะมีการสาธิตการแสดงและหัตกรรมของแต่ละภาค หมู่บ้านศิลปะชีพตั้งอยู่ภายในศูนย์ศิลปาชีพบางไทร เปิดทำการทุกวันและเข้าฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย

3.ศาลาอยุธยา

ร้านอาหารและที่พักสไตล์โมเดิร์น ผสมเข้ากับเอกลักษณ์ท้องถิ่นและวัฒนธรรมประเพณีของจังหวัดอยุธยา ทำให้ยังมีความเป็นกรุงเก่า ตั้งอยู่ที่ถนนอู่ทอง ตำบลประตูชัย อำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มองเห็นวัดพุทไธศวรรย์อยู่อีกฟากของฝั่งแม่น้ำอย่างชัดแจ๋ว ส่วนเรื่องอาหารเราคอนเฟิร์มความอร่อยของอาหารที่นี่ มีความความพิถีพิถันแถมสดใหม่ ถูกปากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติแน่นอน

4.วัดพุทไธศวรรย์

วัดพุทไธศวรรย์ในอดีตเคยเป็นสำนักดาบพุทไธศวรรย์ ซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สำคัญวัดนี้มีอายุมากกว่า 600 ปี ซึ่งเป็นวัดที่ไม่ถูกทำลายเมื่อเสียกรุงครั้งที่ 2 เราจึงยังได้เห็นความสวยงามของโบราณสถานกันอยู่ และจุดที่เป็นเอกลักษณ์ของวัดนี้คือ พระมหาธาตุ หรือปรางค์ประธานที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะขอม มีลักษณะคล้ายฝักข้าวโพด และ วิหารพระนอนองค์ใหญ่ ที่นี่ยังเป็นอีกสถานที่ถ่ายทำของละครเรื่องบุพเพสันนิวาสอีกด้วย ใครมาเที่ยวอยุธยาแล้วไม่ได้มาที่นี่ถือว่าพลาดมาก

5.ตลาดน้ำกรุงศรี

สถานที่เช็คอินแห่งใหม่ เป็นตลาดที่เปิดใหม่บรรยากาศเหมือนกับย้อนกลับไปในช่วงสมัยกรุงศรีอยุธยา ครบเครื่องเรื่องกิน เช่น บุพเฟ่ต์ อาหารไทย ขนมไทย ของใช้ที่เป็นสินค้าโอท็อปของชุมชนเมืองอยุธยา อีกทั้งยังมีการแสดงให้ได้ชมกันเพลิน ๆ ร้านอาหารตั้งเรียงรายตามริมแม่น้ำ บรรดาพ่อค้าแม่ค้ายังแต่งกายด้วยชุดย้อนยุคอีกด้วย เป็นสถานที่ ๆ เหมาะสำหรับการพาครอบครัว แฟน และหรือเพื่อน ๆ มาพักผ่อนได้เป็นอย่างดี

ถ้าอยากย้อนยุคไปกรุงเก่า อยากไปสะบัดสไบ แต่งชุดไทยสวยเก๋ ไปเช็คอินในสมัยก่อน ก็แนะนำอยุธยานี่แหละ สถานที่รับรองเลยว่า เหมือนพาตัวเองกลับมาในอดีตอีกครั้ง

ชวนมาลองเก็บชา ชมหมอกเย็น ๆ ที่ไร่ชาลุงเดช

ขึ้นชื่อว่าเชียงใหม่หลายคนน่าจะนึกถึงคาเฟ่ เก๋ ๆ หรือแบบมินิมอล ที่เหล่าบรรดาบล็อกเกอร์ไปเช็คอิน แต่มีสถานที่หนึ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก นั่นก็คือไร่ชาลุงเดช ไร่ชาสวย ๆ ที่ปลูกตามแนวขั้นบันได บนเทือกเขาเล็ก ๆ กับเนื้อที่ 6 ไร่ ใช้ชีวิตแบบชาวเขา ตื่นเช้ามาเก็บชา จิบชา รับหมอกยามเช้า สูดอากาศบริสุทธิ์ รับรองเลยว่าไม่ผิดหวัง เกริ่นมาขนาดนี้แล้ว ตามเราไปเที่ยวกันเลยดีกว่า

                ไร่ชาลุงเดช ตั้งอยู่ที่แม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไม่นาน ที่นี่มีบริการห้องพักหลักร้อยไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย แนะนำเลยว่าไม่ควรไปเช้าเย็นกลับ ควรมานอนพักสักหนึ่งคืน เพราะถ้าไม่พักถือว่าพลาดมาก ทั้งอากาศที่เย็น ๆ บวกกับอาหารที่ลุงเดชเตรียมไว้ให้ เหมือนมาใช้ชีวิตแบบวิถีชาวบ้าน ตอนเย็นนั่งดูพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า กับเทือกเขาข้างหน้าพร้อมอากาศเย็นที่ทำให้เราตัวสั่นได้เหมือนกัน ยิ่งช่วงปลายฝนต้นหนาวแล้วก็ละก็ อากาศจะดีมาก ตอนเช้าหมอกจะลงตรงไร่ชาพอดี เพิ่มความสวยให้กับธรรมชาติจนละสายตาไม่ได้ ไม่เท่านั้นที่พักยังหันเข้าหาไร่ชา มีระเบียงให้นั่งจิบชาเล่น สูดอากาศเย็น ๆ พร้อมกับท่าถ่ายรูปเก๋ ๆ คนไม่เยอะและไม่พลุกพล่าน

และกิจกรรมหนึ่งที่นักท่องเที่ยวอย่างเราชื่นชอบกันมาก ก็คือการลงไปถ่ายรูปกับต้นชานั่นเอง ซึ่งลุงเดชก็มีพร็อบถ่ายรูปอย่างตะกร้าเก็บต้นชาให้เราฟรีไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วย ถึงขนาดนี้แล้วก็ลงไปเด็ดยอดชาที่ไร่ชาด้านล่างกันดีกว่า ถึงไร่ชาจะมีแค่ 6 ไร่ แต่มุมถ่ายรูปก็เยอะ ให้เราโพสต์ท่าได้อย่างสบายใจไม่มีเบื่อแน่นอน หรือใครจะคว้าโน๊ตบุ๊คตัวโปรดมานั่งทำงานในไร่ชาก็ได้ เรียกว่ามานั่งจิบชาเล่น ชมท้องฟ้า ภูเขาข้างหน้า ก็เหมือนพาตัวเองมาพักผ่อนสูดอากาศบริสุทธิ์แล้ว นอกจากไร่ชาลุงเดชยังมีผลไม้ให้เราได้เก็บเหมือนกัน เป็นผลไม้ลูกกลม ๆ เล็ก ๆ ชื่อว่า ‘ลูกไหน’ ซึ่งรสชาติก็หวานและอร่อย อดใจไม่ไหวเลยต้องหยิบลูกไหนมาถ่ายรูปกันเลย ถ่ายรูปกันเยอะแล้วก็ถึงเวลาอาหารเช้ากัน ที่ไร่ชาลุงเดชมีบริการอาหารเช้าให้เราให้เลือกรับประทานกันด้วย ซึ่งเมนูก็มาจากยอดชาที่เราลงไปถ่ายรูปเมื่อสักครู่นั่นเอง ถึงเมนูจะเป็นเมนูง่าย ๆ แต่รสชาติก็อร่อยจนลืมไปเลยว่าถึงเวลาจะต้องเช็คอินและอำลาที่นี่กันแล้ว เวลาเดินทางค่อนข้างไว เล่นเอาเราใจหายเหมือนกัน

                สรุปเลยว่าไรชาลุงเดชเป็นอีกสถานที่หนึ่งในเชียงใหม่ที่น่าสนใจ และคุ้มค่ากับการเที่ยวมาก ๆ ทั้งการเดินทางและค่าใช้จ่ายถือว่าไม่มากเลย แล้วยังได้พักผ่อนทามกลางธรรมชาติที่สวยงาม แถมยังได้อากาศบริสุทธิ์กลับบ้านไปด้วย ถ้ามีเวลาไม่มาก แล้วไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนในเชียงใหม่ ก็แนะนำไร่ชาลุงเดชนี่เลย

ไปหวาดเสียวกับน้ำตกทีลอซู น้ำตกที่สูงที่สุดในประเทศไทยกัน

ถ้าพูดถึงความหลากหลายทางธรรมชาติ หรือสถานที่ธรรมชาติที่ค่อนข้างสมบูรณ์ และในอากาศที่มีฝนชุกตลอดแบบนี้ ก็มีสถานที่ที่หนึ่งที่น่าสนใจนั่นก็คือน้ำตก แต่น้ำตกในประเทศไทยก็มีหลากหลาย เพราะประเทศไทยมีภูเขาและเทือกเขาสลับซับซ้อน แต่ถ้าจะให้พูดถึงน้ำตกที่สวยที่สุด สูงที่สุด หวาดเสียวที่สุด ก็คงไม่พ้นน้ำตกแห่งนี้ “น้ำตกทีลอซู”

                น้ำตกทีลอซู ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จังหวัดตาก เป็นน้ำตกที่สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย การเดินทางเข้าไปค่อนข้างลำบาก เพราะน้ำตกอยู่ใจกลางป่าลึก การเข้าไปถือว่าเป็นการวัดใจเหล่านักท่องเที่ยวหลาย ๆ คน ทางเข้าค่อนข้างแคบและขดเคี้ยว ถ้าใครชอบความหวาดเสียวและรักการผจญภัย การเดินทางเข้าไปก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับนักท่องเที่ยวสายลุยหลาย ๆ คน นอกจากความเสียวระหว่างทาง เราจะได้พบเจอกับธรรมชาติที่ค่อนข้างหลากหลายและอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้แต่ละต้นสีเขียวสดรอต้อนรับนักที่ยวอย่างเรามาเยี่ยมชม ซึ่งบอกเลยว่าวิวระหว่างทางก็เล่นเอาเราประทับใจจนลืมความลำบากไปเลยก็ได้

การเดินทางมาเที่ยวน้ำตกนั้นต้องมีเวลาอย่างน้อย 2 คืน 3 วัน ด้วยระยะทางและการเดินทางที่ค่อนข้างลำบาก เราต้องมีการแวะพักที่จุดกางเต็นท์เป็นเวลาหนึ่งคืน เรียกได้ว่าเหมือนพาร่างกายมานอนในป่าลึก เพื่อรอชมความสวยงามที่เราจะเจอ ความชุ่มชื้นในป่าทำให้อุณหภูมิลดลงนิด ๆ เหลือราว ๆ 20 องศา อากาศกำลังเย็นสบายจนสามารถนอนหลับได้ในบรรยากาศที่เงียบสงบแบบนี้ พร้อมกับเสียงสัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่ร้องประสานเสียงตลอดทั้งคืน เป็นการกล่อมนอนหลับดี ๆ นี่เอง

                หลังจากที่เดินทางมาด้วยรถยนต์ตลอดทั้งวัน วันต่อมาก็จะมีแพยางพานักท่องเที่ยวไปถึงน้ำตก ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งเพิ่มความตื่นเต้น การเดินทางที่แสนลำบากนี้ก็เป็นประสบการณ์ที่ให้เหล่านักท่องเที่ยวได้ประการณ์แปลกใหม่ สำหรับการเดินทางด้วยแพยางเป็นการเดินทางไปน้ำตกด้วยทางน้ำ คราวนี้เราจะเห็นธรรมชาติในอีกรูปแบบหนึ่ง เพราะระหว่างทางก็เล่นเอาทุกคนตาค้างได้เหมือนกัน แค่ความสวยระหว่างทางก็เล่นเอาร้องว้าวกันแล้ว เตรียมกล้องให้พร้อมเพื่อลั่นชัตเตอร์ให้กับรูประหว่างทางและเซลฟี่กับธรรมชาติกันเถอะ สำหรับการล่องแพจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะต้องเดินทางด้วยรถยนต์ต่ออีก 1 ชั่วโมง ทางจะลำบากกว่าตอนแรกที่เจอมาก ถนนตลอดทางจะเป็นลูกรังสลับกับคอนกรีต เรียกว่าอุปสรรคทางธรรมชาติที่ท้าทาย ก่อนที่จะพบความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติเหล่านักท่องเที่ยวจะต้องเดินต่อด้วยทางเท้าอีก 1.5 กิโลเมตร ในระหว่างที่เราเดินชมนกชมไม้อย่างเพลิดเพลิน หูก็เริ่มจะได้ยินเสียงของน้ำไหล ในที่สุดก็มาถึงสิ่งที่เรียกว่าน้ำตกทีลอซูนั่นเอง สวยสมคำล่ำลือที่หลายคนมักบอกว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในประเทศ และมันก็เป็นดังคำพูดเหล่านั้นจริง ๆ การมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง ก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นตากว่ามองในรูปถ่ายเยอะ

                ถ้ายังไม่รู้จะไปเที่ยวน้ำตกที่ไหน น้ำตกทีลอซูก็เป็นทางเลือกให้เหล่านักผจญภัยและรักธรรรมชาติได้มาเยี่ยมชม ถึงการเดินทางจะลำบาก แต่เชื่อว่าทุกคนต้องหอบเอาความประทับใจไปเล่าต่อได้อย่างสนุกแน่นอน และน้ำตกแห่งนี้ก็ยังรอต้อนรับนักเที่ยวอยู่เสมอ มาเที่ยวกันนะ